ระบบชื่อโดเมนหรือ DNS ก็เป็นเหมือนสมุดโทรศัพท์สำหรับอินเทอร์เน็ตทั้งเครือข่าย โดยจะถอดรหัสชื่อโดเมน (เช่น nordvpn.com) ลงในที่อยู่ IP ที่เครื่องนั้นใช้ เพื่อเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบบจะแปลชื่อที่เป็นตัวเลขที่ยาวและซับซ้อนของเว็บเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นภาษาคน และแปลภาษาคนกลับเป็นชื่อในแบบตัวเลขด้วย
หลังจากป้อนชื่อโดเมน (เช่น เมื่อพิมพ์ลงในเบราว์เซอร์ของคุณ) อุปกรณ์ของคุณจะส่งข้อความค้นหา DNS ไปยังตัวถอดรหัส DNS
ตัวถอดรหัส DNS จะตรวจสอบแคชหรือขอให้เซิร์ฟเวอร์ DNS อื่นเชื่อมโยงชื่อโดเมนกับที่อยู่ IP
ตัวถอดรหัส DNS จะแสดงที่อยู่ IP ที่ถูกต้องแก่อุปกรณ์ของคุณ (ซึ่งจะเรียกว่า “ถอดรหัส” โดเมน)
อุปกรณ์ของคุณพยายามเปิดการเชื่อมต่อกับที่อยู่ IP
แม้ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะใช้บริการ DNS สาธารณะที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ให้บริการ แต่จริงๆ แล้ว ใครๆ ก็สามารถตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ DNS ของตัวเองได้ แนวทางนี้เรียกว่า DNS ส่วนตัว จะช่วยให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์สามารถควบคุมที่อยู่ IP และการเข้าถึงเครือข่ายได้อย่างเต็มที่
DNS ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ DNS สาธารณะของ ISP จะบันทึกทุกข้อความค้นหา DNS ที่คุณค้นหา และ ISP มักจะเก็บบันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นเวลาหลายปีตามกฎหมาย
นอกจากนี้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) อย่าง NordVPN ยังใช้ DNS เพื่อช่วยให้อุปกรณ์ของคุณนำทางได้ เซิร์ฟเวอร์ DNS ส่วนตัวของเราจะจัดการคำขอ DNS ทั้งหมดอย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง NordVPN จะปกป้องคุณโดยอัตโนมัติ แม้แต่ ISP ของคุณก็จะรู้เพียงว่าคุณลงชื่อเข้าใช้เซิร์ฟเวอร์ของเราเท่านั้น ที่เหลือเราจะจัดการให้เอง
DNS ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ DNS สาธารณะของ ISP จะบันทึกทุกข้อความค้นหา DNS ที่คุณค้นหา และ ISP มักจะเก็บบันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นเวลาหลายปีตามกฎหมาย
หากคิดจะเล่นเกมออนไลน์ ก็แสดงว่าคุณกำลังมองหาความเร็ว และเนื่องจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานขั้นสูงในการประมวลผลคำขอ DNS ของคุณ NordVPN จะส่งการถอดรหัส DNS ให้ในเวลาอันสั้นแบบสายฟ้าแลบได้ VPN ทุกแบบจะทำให้การเล่นเกมออนไลน์ของคุณช้าลงเล็กน้อย เนื่องจากมีกระบวนการเข้ารหัสข้อมูล แต่เมื่อใช้ NordVPN คุณก็อาจไม่ทันสังเกตเห็น