ดูว่าการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตของคุณปลอดภัยและเป็นส่วนตัวหรือไม่
สมัครใช้ NordVPN เลยระบบชื่อโดเมน (DNS) คือเหตุผลว่าทำไมการท่องอินเทอร์เน็ตถึงมีความรวดเร็วและง่ายดาย การแก้ไขชื่อโดเมน เช่น “nordvpn.com” ให้เป็นที่อยู่ IP จริงเป็นงานที่ต้องทำ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบบจะแปลชื่อที่เป็นตัวเลขที่ยาวและซับซ้อนของเว็บเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นภาษาคน และแปลภาษาคนกลับเป็นชื่อในแบบตัวเลขด้วย
วิธีการทำงานคือ สมมติว่าต้องการเข้าเว็บไซต์ คุณต้องพิมพ์ “nordvpn.com” ลงในเบราว์เซอร์ คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนของคุณจะส่งคำถามไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS ซึ่งจะติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์และขอที่อยู่ IP แบบแยกของไซต์ของเรา หลังจากเซิร์ฟเวอร์ DNS ระบุที่อยู่ IP แล้ว อุปกรณ์ของคุณก็เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่ต้องการได้ในที่สุด
เมื่อเชื่อมต่อกับ VPN ระบบจะกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลออนไลน์ทั้งหมดผ่านเครือข่าย VPN ซึ่งรวมถึงคำขอ DNS ที่ได้กล่าวถึงไว้ก่อนหน้านี้ ข้อมูลทั้งหมดควรถูกส่งผ่านช่องทางที่เข้ารหัสตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS ของผู้ให้บริการ VPN
แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะการรั่วไหลของ DNS คือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่ทำให้การค้นหาของคุณเดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS เริ่มต้น ซึ่งเป็นของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) สิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าคุณ:
กำลังใช้งาน Windows 8 หรือใหม่กว่านั้น โดยเปิดใช้งานฟีเจอร์ “Smart Multi-Homed Name Resolution”
เพิ่งรีเซ็ตการตั้งค่าระบบ
ตั้งค่า VPN ด้วยตนเอง
กำลังใช้บริการ VPN ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ DNS และไม่มีการป้องกันที่เพียงพอจากการรั่วไหล
หากการเข้าชมออนไลน์ของคุณเกิดขึ้นในเส้นทางปกติ ไม่มีการเข้ารหัส บุคคลที่ 3 ก็อาจดักจับข้อมูลได้ ซึ่งรวมถึง ISP หรือผู้ให้บริการ DNS ซึ่งจะดูเว็บไซต์ที่เข้าชม บริการที่ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น คุณจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เว้นแต่ว่าคุณจะใช้การทดสอบการรั่วไหลของ DNS แบบเดียวกับที่ใช้งานได้ที่นี่ อาจเรียกการทดสอบนี้ว่าเป็น “การทดสอบความปลอดภัยของ VPN” ก็ได้ เพราะหากบริการ VPN นั้นกำหนดเส้นทางรับส่งข้อมูลทั้งหมดของคุณใหม่ทั้งหมดไม่ได้ ก็เท่ากับว่าผู้ให้บริการรายนั้นไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ควรเลือก VPN ที่มีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS
เมื่อเชื่อมต่อกับ NordVPN อุปกรณ์ของคุณจะใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ดำเนินการโดย NordVPN เท่านั้น คำขอติดต่อ DNS ทั้งหมดจะเดินทางผ่านช่องทางที่มีการเข้ารหัส และได้รับการดำเนินการบนเซิร์ฟเวอร์ VPN เดียวกับที่คุณเชื่อมต่อ
ด้วยวิธีนี้ จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าข้อมูลลับจะรั่วไหล และบุคคลที่ 3 จะสอดแนมได้
คุณจะตรวจสอบหาการรั่วไหลของ DNS ได้ในไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1
ไปที่เว็บไซต์การทดสอบการรั่วไหลของ DNS ซึ่งเป็นที่ตรวจสอบการเชื่อมต่อ VPN ว่ามีการรั่วไหลหรือเปล่า และให้คำแนะนำวิธีแก้ไขการรั่วไหลที่พบอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 2
สำหรับการตรวจสอบ VPN ให้ดูว่าที่อยู่ IP และตำแหน่งที่แสดงนั้นตรงกับที่อยู่จริงของคุณหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เป็นไปได้ว่าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN หรือบริการ VPN ไม่ทำงาน
ขั้นตอนที่ 3
ในการตรวจสอบสถานะ DNS ให้เลือก Standard หรือ Extended Test หากเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN อยู่ แล้วการทดสอบการรั่วไหลของ VPN แสดงรายชื่อเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ไม่ได้เป็นของ ISP จริง ก็แสดงว่าการรับส่งข้อมูลของคุณปลอดภัย
จะเกิดอะไรขึ้นหากเชื่อมต่อกับ NordVPN แต่ยังคงเห็น DNS รั่วไหลระหว่างการทดสอบ โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของเราผ่านไลฟ์แชทหรืออีเมล เราจะช่วยคุณจัดการปัญหาโดยเร็วที่สุด