แน่นอนว่าคุณคงไม่อยากให้ใครแอบมองผ่านหน้าต่างบ้านของคุณและดูว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคนแปลกหน้าสามารถแอบดูคุณผ่านหน้าต่างเบราว์เซอร์ของคุณได้? สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากกว่าที่คุณคิด นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณจึงควรเปิดใช้งาน VPN อยู่ตลอดเวลา
คําตอบสําหรับคำถามที่ว่า “ควรเปิดใช้งาน VPN หรือไม่” คือควรเปิด VPN นั้นมอบความปลอดภัยออนไลน์ที่ดีที่สุด คุณจึงควรเปิดใช้งาน VPN อยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันตัวคุณเองจากการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ในขณะที่คุณใช้ Wi-Fi สาธารณะ และจากผู้สอดแนม เช่น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือผู้โฆษณา ดังนั้นคุณควรเปิดใช้งาน VPN ของคุณอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ควรเปิดใช้งาน VPN เสมอเมื่อคุณออนไลน์ เพราะ VPN จะซ่อนตําแหน่งของคุณโดยการเชื่อมต่อคุณเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ในระยะไกลเพื่อให้ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคุณกำลังเรียกดูอะไรและเรียกดูจากที่ไหน NordVPN ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมมากมาย เช่น การป้องกันภัยคุกคาม หรือ Kill Switch ซึ่งจะให้การป้องกันพิเศษเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งด้วย
Wi-Fi สาธารณะนั้นไม่ได้ถูกเข้ารหัส ดังนั้นแฮกเกอร์จึงสามารถดักจับการเชื่อมต่อและขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณได้อย่างง่ายดาย การเข้ารหัสจะช่วยปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้กับทุกสิ่งที่คุณทําออนไลน์ โดยจะแปลงข้อมูลการเข้าชมของคุณให้กลายเป็นข้อมูลที่อ่านไม่ได้ ซึ่งแฮ็กเกอร์ทุกคนจะอ่านข้อมูลนี้หากพวกเขามีมันในครอบครอง โชคดีที่การใช้ VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะของคุณ อัลกอริธึมการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งของ NordVPN จะซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณและปกป้องคุณจากผู้ประสงค์ร้ายที่พยายามดักจับการเชื่อมต่อของคุณและขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างลับ ๆ เล่ห์เหลี่ยมในการปลอมแปลง Wi-Fi สาธารณะซึ่งมีอยู่ทั่วไปนั้นถือว่าเป็นการโจมตีที่ชั่วร้าย แฮ็กเกอร์จะตั้งค่าเครือข่าย Wi-Fi ขึ้นมาให้มีความคล้ายคลึงกับเครือข่ายที่คุณต้องการจะใช้งาน โดยหวังว่าคุณจะเชื่อมต่อกับมันแทน เครือข่ายเลียนแบบเหล่านี้อาจขโมยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินของคุณ ดังนั้นให้คํานึงถึงเรื่องนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ในโรงแรม ร้านกาแฟ หรือสนามบินด้วย
บางประเทศมีบทลงโทษอย่างรุนแรงสําหรับการเข้าถึงเนื้อหาบางประเภท ในบางประเทศอาจมีโทษถึงขั้นติดคุก ดังนั้นการใช้ VPN จะสามารถช่วยคุณได้อย่างแท้จริง VPN บางตัวให้การป้องกันเพิ่มเติมสําหรับภัยคุกคามเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติ Kill Switch ของ NordVPN ซึ่งจะปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณในกรณีที่การเชื่อมต่อ VPN หยุดทํางานอย่างกะทันหัน
แฮกเกอร์อาจดักจับการเชื่อมต่อของคุณ แต่ด้วยการเข้ารหัสของ VPN การรับส่งข้อมูลของคุณจะถูกซ่อนจากผู้สอดแนมและบุคคลที่สาม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณกําลังใช้งานธนาคารออนไลน์ในขณะที่คุณเดินทาง การหลอกลวงทางการเงินและการฉ้อโกงบัตรเครดิตถือเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่น่ากังวลมากที่สุด เนื่องจากพวกมันได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างสูงลิ่วในช่วงของการระบาดครั้งใหญ่ซึ่งผลักดันให้ผู้คนต้องทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ ในความเป็นจริงแล้ว เว็บมืดนั้นอัดแน่นไปด้วยฐานข้อมูลที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิต ซึ่งแฮกเกอร์มักจะซื้อขายข้อมูลระหว่างกันในราคาแค่เพียงไม่กี่ดอลลาร์ ในการโจมตีทางไซเบอร์โดยการปลอมตัวเป็นคนกลาง แฮ็กเกอร์จะเข้ามาแทรกแซงระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อขโมยข้อมูลของคุณในระหว่างการถ่ายโอน เว็บไซต์ของธนาคารจะมีการเข้ารหัสเสมอ ดังนั้นรายละเอียดของคุณมักจะปลอดภัยอยู่ในเว็บไซต์ของพวกเขา แต่รายละเอียดของคุณสามารถถูกขโมยและถูกดักจับได้ด้วยวิธีอื่นเช่นกัน เช่น เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะและทําธุรกรรม หรือเมื่อคุณชําระเงินสำหรับสินค้าบางอย่างบนเว็บไซต์ที่ไม่ได้เข้ารหัส ให้ใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและช่วยปกป้องข้อมูลของคุณเสมอ
บางครั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะลดความเร็วในการเข้าชมของผู้ใช้ลง เพราะว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางรายมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะรองรับการสตรีมและการเล่นเกมตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทําก็คือการลดปริมาณการส่งข้อมูลทั้งในบางช่วงเวลาสําหรับผู้ใช้ที่เข้าร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ หรือโดยทั่วไปแล้วเมื่อกิจกรรมดังกล่าวมีความหนาแน่นสูงสุด เมื่อใช้ VPN ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะมองไม่เห็นว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่คุณจะถูกลดความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณลงได้
ทุกเว็บไซต์นั้นมีความปลอดภัยอย่างเท่าเทียมกัน บางเว็บไซต์ยังคงไม่ได้ใช้ส่วนขยาย HTTPS ที่ปลอดภัยและมี HTTP แบบเก่าอยู่ HTTPS นั้นใช้โปรโตคอล TLS เพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่ถ่ายโอนระหว่างผู้ใช้และเว็บไซต์ อย่างไรก็ตามคุณยังคงควรเปิดใช้งาน VPN เมื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS เช่นกัน HTTPS จะเข้ารหัสเฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างคุณกับเว็บไซต์ในขณะที่ VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่อทั้งหมดของคุณ การเข้ารหัส HTTPS มักจะมีความอ่อนแอกว่า VPN (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ HTTPS กับ VPN ได้ที่นี่) นอกจากนี้ VPN ยังสามารถมอบคุณสมบัติความปลอดภัยอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่น การป้องกันภัยคุกคามและ Kill Switch คุณสมบัติการป้องกันภัยคุกคามของ NordVPN จะแจ้งเตือนคุณก่อนที่คุณจะเข้าสู่เว็บไซต์อันตรายที่อาจโฮสต์มัลแวร์ ในขณะที่ VPN Kill Switch จะตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณออกจากอินเทอร์เน็ตหาก VPN ของคุณล้มเหลว ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับการปกป้องแม้กระทั่งในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงได้
ไฟร์วอลล์สำหรับอินเทอร์เน็ตนั้นเปรียบเทียบได้กับเลขานุการสำหรับซีอีโอ โดยมันจะควบคุม จํากัด หรือแม้กระทั่งบล็อกข้อมูลที่ผ่านเข้ามา คุณสมบัตินี้จะช่วยปกป้องเครือข่ายจากกิจกรรมที่เป็นอันตราย มหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือที่ทํางานของคุณมักจะมีไฟร์วอลล์เพื่อปกป้องผู้ใช้รายอื่นบนเครือข่าย มันจะตรวจสอบผู้ใช้โดยใช้ที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ของพวกเขา แต่ในบางครั้งที่อยู่ IP ของคุณจะเปลี่ยนไปหากคุณย้ายไปต่างประเทศ และไฟร์วอลล์อาจจะตอบสนองต่อสิ่งนี้โดยการบล็อกการเข้าถึงของคุณ VPN จะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ได้โดยการเชื่อมต่อคุณเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ สิ่งนี้จะทําให้อินเทอร์เน็ตคิดว่าคุณอยู่ในสหราชอาณาจักรแทนที่จะเป็นสหรัฐอเมริกา เป็นต้น NordVPN ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 59 ประเทศทั่วโลก ได้อย่างง่ายดาย
NordVPN จะซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณและปกป้องคุณจากโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์เพื่อประสบการณ์การท่องเว็บที่ราบรื่นมากยิ่งขึ้น โฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจ วันหนึ่งคุณค้นหาโซฟาแบบปรับนอนได้สีดํา และคุณกลับต้องมาทนเห็นโฆษณาดังกล่าวตลอดทั้งเดือนถัดไปเมื่อคุณออนไลน์ แต่ว่าโฆษณาเหล่านี้ติดตามคุณได้อย่างไร? นั่นเป็นเพราะว่าบุคคลที่สามและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณสามารถสอดแนมกิจกรรมออนไลน์ของคุณและขายข้อมูลของคุณให้กับผู้โฆษณาซึ่งใช้มันในการกําหนดเป้าหมายคุณด้วยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง VPN จะซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณจากบุคคลที่สามและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ ทําให้พวกเขามองไม่เห็นคุณทางออนไลน์ ดังนั้นหากคุณเบื่อกับโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายซึ่งติดตามคุณทางออนไลน์ ให้เปิดใช้งาน VPN ของคุณตลอดเวลา คุณสมบัติการป้องกันภัยคุกคามของ NordVPN ยังใช้ตัวบล็อกโฆษณาเพื่อปกป้องคุณจากโฆษณาที่เป็นอันตราย รวมถึงเว็บไซต์ที่รู้จักกันว่ามีการโจมตีแบบฟิชชิ่งและโฮสต์มัลแวร์ การป้องกันภัยคุกคามเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าที่ควรมีอยู่เป็นส่วนหนึ่งของ VPN ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากคุณแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าโฆษณาใดที่เป็นอันตราย การคลิกโฆษณาที่เป็นอันตรายอาจดาวน์โหลดมัลแวร์หรือไวรัสลงในอุปกรณ์ของคุณ และเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกมันไม่ได้ถูกเข้ารหัส
VPN เป็นเครื่องมือสําคัญในชีวิตประจําวันสําหรับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ ให้คิดว่า VPN เป็นเสมือนกับผ้าม่านบนหน้าต่างในบ้านของคุณ เมื่อใดก็ตามที่เราออนไลน์ เรากําลังถูกจับตาดู ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณจะบันทึกทุกเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม และบุคคลที่สามที่คุณไม่รู้จักจะติดตามทุกสิ่งที่คุณทําทางออนไลน์ ข้อมูลของคุณมักจะถูกขายให้กับผู้โฆษณาและผู้มีอำนาจ ซึ่งมักจะใช้มันเพื่อสร้างโปรไฟล์อันซับซ้อนของประชาชน และยอมรับเถอะว่า: แง่มุมส่วนใหญ่ของชีวิตเราสามารถถูกติดตามได้ทางออนไลน์ ดังนั้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณอาจถูกเปิดเผยมากกว่าที่คุณคิด เมื่อคุณเปิดใช้งาน VPN คุณจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวที่ถูกเข้ารหัสของ VPN แทนที่จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ถูกเข้ารหัสของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่คุณทําออนไลน์จะถูกซ่อนจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ ผู้สอดแนม และบุคคลที่สามอื่น ๆ VPN มอบความเป็นส่วนตัวที่สําคัญยิ่งและความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมทางออนไลน์ หากคุณเปิดใช้งาน VPN ของคุณตลอดเวลา มันจะทําให้การท่องเว็บของคุณมีความเป็นส่วนตัวและช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากผู้สอดแนม สิ่งที่คุณต้องทําคือดาวน์โหลด NordVPN และเปิดแอปเพื่อเริ่มต้นการท่องอินเทอร์เน็ตแบบส่วนตัว และก่อนที่คุณจะเริ่มสงสัยว่ามีความแตกต่างมากขนาดไหนระหว่าง VPN และแท็บการท่องเว็บแบบส่วนตัว เราขอบอกว่ามันมีความแตกต่างมากอย่างใหญ่หลวง แท็บการท่องเว็บแบบส่วนตัวจะช่วยให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ในประวัติการเรียกดูของอุปกรณ์ที่คุณกําลังใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณและผู้สอดแนมบุคคลที่สามยังคงสามารถมองเห็นกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้อยู่
คุณสมบัติ Meshnet ของ NordVPN ช่วยให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องโดยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายขยายได้ เช่นเดียวกับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ที่คุณไม่สามารถเข้าถึงทางกายภาพได้ (เช่นการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่บ้านในขณะที่คุณเดินทาง) Meshnet ช่วยให้คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้ที่อยู่ IP ของเครือข่ายในบ้านของคุณได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่บ้านก็ตาม
ในขณะที่เราแนะนําให้คุณปิดการใช้งาน VPN ของคุณให้น้อยที่สุด แต่อาจมีข้อยกเว้นซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก หากว่าคุณความต้องการความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง:
ความเร็วอินเทอร์เน็ตนั้นมีความสําคัญสูงสุดในบางสถานการณ์ (เช่น เมื่อคุณเล่นเกมหรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่) ในบางครั้ง VPN อาจลดความเร็วของคุณ เนื่องจากมันจะสร้างอุโมงค์เสมือนที่เข้ารหัสและเชื่อมต่อคุณเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลซึ่งต้องใช้ทรัพยากรในการรับส่งข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม NordVPN มีความเร็วสูงเป็นพิเศษ ดังนั้นคุณอาจไม่สังเกตเห็นถึงความแตกต่างใด ๆ เลย
ในขณะที่เราแนะนําเป็นอย่างยิ่งให้คุณเปิดใช้งาน VPN อยู่ตลอดเวลา คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้บริการที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการ VPN ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลของคุณ มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมาย และมาจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ ลองใช้ NordVPN ที่รวดเร็วดุจดังสายฟ้าและมีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและใช้งานได้ง่ายดาย
การรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เริ่มได้เพียงคลิกเดียว
ปลอดภัยด้วย VPN ชั้นนำของโลก